เปรียบเทียบสินเชื่อบ้าน : เลือกสินเชื่อไหนคุ้มค่าที่สุด

เปรียบเทียบสินเชื่อบ้าน : เลือกสินเชื่อไหนคุ้มค่าที่สุด

 

การเลือกสินเชื่อบ้านที่คุ้มค่าที่สุดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา รวมถึงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ความยืดหยุ่นในการชำระเงิน และเงื่อนไขอื่นๆ ต่อไปนี้คือวิธีการเปรียบเทียบสินเชื่อบ้านเพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ:

1.อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate):

- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารหรือผู้ให้กู้ต่างๆ

ข้อมูลการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ธนาคาร/สถาบันการเงินชั้นนำ ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2567

ประเภทสินเชื่อ: ซื้อบ้านใหม่ / มือสอง

วงเงินกู้: 90% ของราคาซื้อขาย / ประเมินหลักประกัน (ขึ้นอยู่กับธนาคาร)

ระยะเวลาผ่อนชำระ: สูงสุด 40 ปี

หมายเหตุ: อัตราดอกเบี้ยเหล่านี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น อัตราดอกเบี้ยจริงอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น เงื่อนไข

และคุณสมบัติของผู้กู้ กรุณาติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อขอข้อมูลล่าสุด





- อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) และอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Variable Rate) มีความแตกต่างกัน ควรเลือกประเภทที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ โดยลองพิจารณาจากข้อมูลข้างต้นนี้

อัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อยอดเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับสินเชื่อต่างๆความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยคงที่และอัตราดอกเบี้ยลอยตัว มีดังนี้

อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate)

- อัตราดอกเบี้ยจะคงที่ตลอดระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา
- ผู้กู้จะทราบยอดผ่อนชำระแต่ละงวดล่วงหน้า ช่วยให้วางแผนการเงินได้ง่าย
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการความแน่นอน ไม่ชอบความเสี่ยง
- อัตราดอกเบี้ยอาจสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในบางช่วง

ตัวอย่าง: สมมุติว่ากู้สินเชื่อบ้าน 3 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปี ธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ผู้กู้จะทราบยอดผ่อนชำระแต่ละงวดอยู่ที่ 15,667 บาท ตลอดระยะเวลา 30 ปี


อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Variable Rate)

-   อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง เช่น อัตราดอกเบี้ยตลาด (MRR) หรือ อัตราดอกเบี้ย LPR
-   ผู้กู้ต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย
-   ยอดผ่อนชำระแต่ละงวดอาจเปลี่ยนแปลง
-   เหมาะกับผู้ที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในอนาคต
-   อัตราดอกเบี้ยอาจต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยคงที่ในบางช่วง

ตัวอย่าง : สมมติว่ากู้สินเชื่อบ้าน 3 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปี ธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยลอยตัว อ้างอิง MRR-2.5% ต่อปี ในปีแรก ผู้กู้จะผ่อนชำระ 15,000 บาทต่อเดือน แต่ยอดผ่อนชำระอาจเปลี่ยนแปลงในปีถัดไป ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย MRR

สรุป

การเลือก อัตราดอกเบี้ยคงที่ หรือ อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของผู้กู้

สำหรับผู้ที่

-  ต้องการความแน่นอน วางแผนการเงินง่าย
-  ไม่ชอบความเสี่ยง
-  คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นในอนาคต

ควรเลือก อัตราดอกเบี้ยคงที่

สำหรับผู้ที่

-  ต้องการความยืดหยุ่น
-  คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในอนาคต
-  ยอมรับความเสี่ยงจากการผ่อนชำระที่เปลี่ยนแปลง

ควรเลือก อัตราดอกเบี้ยลอยตัว

คำแนะนำเพิ่มเติม

-  เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากหลายธนาคาร/สถาบันการเงินก่อนตัดสินใจ
-  อ่านรายละเอียดสัญญาให้เข้าใจก่อนทำสัญญา
-  ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม

2.ค่าธรรมเนียม (Fees):

-  ตรวจสอบค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการ ค่าธรรมเนียมการชำระคืนก่อนกำหนด (Prepayment Penalty) และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

3.ระยะเวลาการกู้ (Loan Term):

- พิจารณาระยะเวลาการกู้เงินที่เหมาะสม เช่น 10 ปี, 20 ปี หรือ 30 ปี ระยะเวลาที่สั้นจะมีการชำระเงินรายเดือนสูงกว่าแต่จะมีการชำระดอกเบี้ยน้อยลง

สำหรับระยะเวลาการกู้เงินที่เหมาะสม: เลือกให้เหมาะกับภาระและเป้าหมายของคุณ! มีหลักในการพิจารณาอะไรบ้าง?

ระยะเวลาการกู้เงิน เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อยอดเงินที่ต้องชำระคืนดอกเบี้ย และ ภาระรายเดือน ของคุณ โดยทั่วไป สินเชื่อบ้านจะมีระยะเวลาให้เลือกตั้งแต่ 10 ปี ไปจนถึง 40 ปี

หลักในการพิจารณา

-  ความสามารถในการผ่อนชำระ : คุณต้องเลือกระยะเวลาที่ทำให้คุณสามารถผ่อนชำระได้อย่างสบายโดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน ของคุณ

-  ภาระหนี้สิน : พิจารณาหนี้สินอื่นๆที่คุณมีอยู่แล้วรวมถึงรายได้ของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถรับผิดชอบต่อภาระทั้งหมดได้

-  เป้าหมายทางการเงิน : หากต้องการปิดบัญชีสินเชื่อเร็วควรเลือกระยะเวลาสั้นแต่ยอดผ่อนชำระรายเดือนจะสูง

-  อัตราดอกเบี้ย : โดยทั่วไปสินเชื่อระยะยาวจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อระยะสั้น

ตัวอย่าง

 

คำแนะนำเพิ่มเติม
1. เปรียบเทียบเงื่อนไขของสินเชื่อจากหลายๆธนาคาร/สถาบันการเงิน
2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน
3. คำนวณยอดผ่อนชำระดอกเบี้ยและระยะเวลา
4. เลือกระยะเวลาที่เหมาะกับความสามารถภาระและเป้าหมายของคุณ


8.การชำระเงินรายเดือน (Monthly Payment):

- คำนวณการชำระเงินรายเดือนของสินเชื่อแต่ละตัวเพื่อดูว่าสามารถจัดการได้หรือไม่

แจ้งรายละเอียดสินเชื่อเพื่อคำนวณการชำระเงินรายเดือน

เพื่อคำนวณการชำระเงินรายเดือนของสินเชื่อแต่ละตัว กรุณาระบุข้อมูลดังนี้:

สำหรับแต่ละสินเชื่อ:

- ประเภทสินเชื่อ : สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อรถ, สินเชื่อส่วนบุคคล, ฯลฯ
- วงเงินกู้: จำนวนเงินที่กู้ยืม
- ระยะเวลาผ่อนชำระ : ระยะเวลาที่ต้องชำระหนี้ทั้งหมด หน่วยเป็นปี
- อัตราดอกเบี้ย : ร้อยละต่อปี
- ค่าธรรมเนียมอื่นๆ : (ถ้ามี) เช่น ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้, ค่าธรรมเนียมการประเมินหลักประกัน, ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์

ยอดผ่อนชำระรายเดือน : จำนวนเงินที่ต้องชำระแต่ละงวด

ดอกเบี้ยรวม : จำนวนเงินดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดตลอดระยะเวลาผ่อนชำระ

ยอดเงินที่ต้องชำระคืนทั้งหมด : จำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องชำระคืน รวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย

 9.เงื่อนไขการชำระเงิน (Payment Terms):

      เงื่อนไขการชำระเงิน หมายถึง ข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเกี่ยวกับวิธีการ ชำระเงินสำหรับสินค้าหรือบริการ เงื่อนไขเหล่านี้มักระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น

-  จำนวนเงินที่ต้องชำระ : จำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องชำระสำหรับสินค้าหรือบริการ
-  วิธีการชำระเงิน : วิธีการที่ลูกค้าสามารถชำระเงินได้ for example, by credit card, debit card, bank transfer, or cash.
-  กำหนดเวลาการชำระเงิน : วันที่ลูกค้าต้องชำระเงิน
-  ดอกเบี้ย : อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บหากลูกค้าชำระเงินล่าช้า
-  ค่าธรรมเนียม : ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน for example, processing fees or late fees.

- ตรวจสอบเงื่อนไขการชำระเงินว่ามีความยืดหยุ่นหรือไม่ เช่น สามารถชำระเพิ่มได้หรือสามารถเปลี่ยนแปลงการชำระเงินได้ตามความต้องการ

10.โปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษ (Promotions and Special Offers):

     ธนาคารหรือผู้ให้กู้อาจมีโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษ เช่น ดอกเบี้ยพิเศษในปีแรก หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ

     ส่วนลด:ส่วนลดเป็นประเภทของโปรโมชั่นที่พบบ่อยที่สุดผู้ขายเสนอส่วนลดจากราคาปกติของสินค้า
หรือบริการ ส่วนลดสามารถแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินคงที่

 11.การบริการลูกค้า (Customer Service):

           การบริการลูกค้า หมายถึง กระบวนการที่ธุรกิจโต้ตอบกับลูกค้าเพื่อสร้างความพึงพอใจ เป้าหมายของการบริการลูกค้าคือเพื่อให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีและจดจำสิ่งนี้สามารถช่วยสร้างความภักดี ของลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับธุรกิจ

- สำรวจความคิดเห็นและประสบการณ์ของลูกค้ารายอื่นๆ เพื่อประเมินคุณภาพของการบริการลูกค้า

12.ประวัติและชื่อเสียงของผู้ให้กู้ (Lender’s Reputation):

- เลือกผู้ให้กู้ที่มีชื่อเสียงดีและมีประวัติการบริการที่ดี

สิ่งที่ต้องมองหาเมื่อตรวจสอบประวัติและชื่อเสียงของผู้ให้กู้:

- ชื่อเสียงที่ดี: ผู้ให้กู้ที่มีชื่อเสียงที่ดีจะมีประวัติการให้บริการลูกค้าที่ดี พวกเขาควรมีรีวิวออนไลน์เชิงบวกและไม่มีข้อร้องเรียนกับหน่วยงานกำกับดูแล

- ผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย: ผู้ให้กู้ที่ดีควรเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ
- อัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้: ผู้ให้กู้ที่ดีควรเสนออัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้
- กระบวนการขอสินเชื่อที่ง่าย: ผู้ให้กู้ที่ดีควรมีกระบวนการขอสินเชื่อที่ง่ายและตรงไปตรงมา
- การบริการลูกค้าที่ดี: ผู้ให้กู้ที่ดีควรมีการบริการลูกค้าที่ดี พวกเขาควรตอบคำถามของคุณอย่างรวดเร็วและช่วยเหลือคุณแก้ไขปัญหาใดๆ

สรุปการเปรียบเทียบสินเชื่อบ้าน

 แหล่งข้อมูล:

- เว็บไซต์ของธนาคาร
- เว็บไซต์เปรียบเทียบสินเชื่อ
- สมาคมสถาบันการเงินไทย
- ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

คำแนะนำเพิ่มเติม:

- เปรียบเทียบสินเชื่อบ้านจากหลายๆ ธนาคารก่อนตัดสินใจเลือก

- ศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดของสินเชื่อบ้านแต่ละประเภทอย่างละเอียด

- เลือกสินเชื่อบ้านที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถทางการเงิน

ตัวอย่างเว็บไซต์เปรียบเทียบสินเชื่อบ้าน:

- Refinn: https://www.refinn.com/

- DDproperty: https://www.ddproperty.com/en

- MoneyGuru: https://m.facebook.com/MoneyGURUThailand/photos/a.742587449152061/1682822928461837/?type=3

- iMoney: https://imoney.in.th/home-loan/

 

#สินเชื่อธนาคาร  #เปรียบเทียบสิ้นเชื่อธนาคาร #สินเชื่อธนาคาร #สินเชื่อคอนโด #สินเชื่อบ้าน